วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ครั้งหนึ่ง ณ วังเวียง (สิงหาคม 2558)

หากพูดถึง สปป ลาว แล้วคนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึง เวียงจันทน์ เมืองหลวงของลาว, หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรม, จำปาศักดิ์ เมืองสำคัญทางตอนใต้ และอีกหนึ่งที่ ที่กำลังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว "วังเวียง" เมืองเล็กๆ ที่อยู่ระหว่าง เวียงจันทน์และหลวงพระบาง

หนังสือท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Lonely planet ขนานนามวังเวียงไว้สั้นๆว่า "Paradise Lost" หรือแปลกันตรงๆได้ว่า สวรรค์ที่หายไป บ้างก็ให้อีกชื่อว่า กุ้ยหลินเมืองลาว เมืองเล็กๆนี้จะเป็นอย่างไรกับการเดินทางในหน้าฝนครั้งนี้ ตามไปดูกันค่ะ

** ขออนุญาตออกตัวนิดนึงนะคะ นี่ไม่ใช่รีวิว ที่จะบอกว่า นั่นดี นี่ไม่ดี แต่เราแค่อยากแชร์ "การเดินทาง" ไปพร้อมกับ "ภาพสวยๆ" เท่านั้นค่ะ


21 สิงหาคม 2558
เราออกจากกรุงเทพ เวลา 05.50 ด้วยสายการบินนกแอร์ สนามบินดอนเมือง สู่ อุดรธานี 06.55 แต่เราถึงก่อนกำหนดประมาณ 10 นาทีค่ะ




พอเราถึงอุดรเรียบร้อย ก็ต้องรีบซื้อตั๋วรถตู้ เพื่อไป บขส อุดรเพราะเราต้องต่อรถทัวร์ อุดรธานี-หนองคาย-วังเวียง ซึ่งรอบแรกคือ 8.30 แต่ก่อนออกจากสนามบิน เพื่อนในกลุ่มเดินทางของเราโชคดีค่ะ เธอกด ATM แต่เงินไม่ออก ปัญหาเกิด แต่เราตกลงกันว่า จะโทรติดต่อธนาคารระหว่างนั่งรถตู้ไป บสข ด้วยกลัวจะตกรถ กว่าจะติดต่อธนาคารได้นะ นานมาก กว่าจะต่อ Call center ได้ กดนู่นนี่เยอะแยะไปหมด ทางเราก็รน แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ ทางธนาคารจะโอนเงินคืนให้เราภายใน 7 วัน แต่ประเด็นมันอยู่ที่เรากำลังจะไปเที่ยวกันแล้ว แต่เงินไม่มีเนี่ยสิ โชคดีที่เพื่อนของเรา เค้ามีสำรองไว้ค่ะ รอดตายกันไป

พอถึงบขส พี่คนขับรถตู้ก็บอกเลยว่า วังเวียงซื้อตั๋วด้านในนะครับ เพราะพอจอดรถปุ๊บ คุณลุง คุณป้าก็แห่กันมาทางรถตู้ ราวกับดารา ฮ่าๆ โชคดีค่ะ หลังจากพี่พนักงานขายตั๋วโทรเช็คกับทางหนองคายแล้วที่พอสำหรับพวกเรา 6 คนค่ะ พวกเราทันรถรอบแรก เย้ๆ ระหว่างรอรถออก เรามีเวลากันประมาณ 30-40 นาที เดินเล่นรอบๆ บขส มองหาอะไรร้อนๆทาน ตกลงปลงใจกับร้านเล็กๆริมทาง ตรงข้ามบขส พบว่ามีไข่กระทะกับขนมปัง ที่อร่อยมากๆ คุณป้าคนขายก็ใจดีมากๆ ทานเสร็จก็ขึ้นรถค่ะ มุ่งหน้าสู่วังเวียง

ไข่กระทะและขนมปัง หน้าบขส.อุดรค่ะ



15.00 ถึงแล้วค่ะ  "วังเวียง"







เราพักกันที่ จำปาลาว ค่ะ แม้จะมีข้อผิดพลาดหลายๆอย่างเกิดขึ้น แต่ทางพี่เจ้าของก็แก้ไข และผ่านไปด้วยดีทุกอย่างค่ะ แนะนำนะคะ หากใครยังไม่มีที่พัก ทุกอย่างโอเคเลยค่ะ








ดูจากเวลาแล้ววันนี้เราคงไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรกันมากนัก ด้วยวังเวียงเป็นเมืองเล็กๆ เราจึงตกลงกันว่า เราเดินเล่นดูเมืองกันค่ะ

วังเวียง















Sandwich ของที่นี้ค่ะ



เป็นที่น่าแปลกใจค่ะ จากที่เรารู้มาวังเวียงน่าจะมีนักท่องเที่ยวฝั่งยุโรปเยอะใช่ไหมคะ ผิดคาดค่ะ นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีเยอะกว่า เยอะมากๆ เลยทีเดียว สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยก็มีให้พบเห็นได้อยู่บ้างค่ะ
เย็นนี้เราเลยฝากท้องกับหมูกระทะที่เป็นลูกครึ่งของหมูกระทะเกาหลีและลาวค่ะ ฮ่าๆ

ก่อนมาที่นี้ เราได้หาข้อมูลสำหรับกิจกรรมที่ควรทำที่สุดอย่างหนึ่งมาค่ะ พบว่า ซากุระบาร์ เป็นท็อปต้นๆเลยก็ว่าได้ จากการเดินสำรวจพบว่า ซากุระบาร์จะออกเป็นแนวผับ สายตื้ดๆ ซึ่งเราได้เดินทางกันกว่า 9 ชั่วโมงอีกทั้งยังนอนกันไม่พอ กลัวจะตื่นมาทำกิจกรรม one day trip ที่ซื้อไว้ไม่ไหว จึงตกลงกันว่า ไปนั่งร้านอื่นชิวๆกัน จึงตกลงชิวกันที่ Warm up ค่ะ เป็นร้านที่ฝรั่งดูจะเยอะกว่าเกาหลีหน่อย


22 สิงหาคม 2558
เช้าวันถัดมา ตามกำหนดเวลา 8.30 กิจกรรม one day trip เริ่มต้นขึ้นค่ะ เราได้รวมกับคนไทยอีก 3 คนซึ่งพักที่เดียวกับเรา และอีก 2 คนซึ่งเราต้องแวะรับเค้านิดนึงค่ะ วันนี้ได้มีไกด์ประจำ 2-3 คนค่ะ เน้นไปที่พี่ไซ แต่เพื่อให้กลมกลืนกับเกาหลีที่มาเยอะมากๆ เลยกลายเป็น โอปป้าไซ ค่ะ ฮ่าๆ ได้พูดคุยกับแกหลายอย่าง ไม่แปลกใจเลยค่ะ ที่แม้จะมีนักท่องเที่ยวมาวังเวียงเยอะขนาดนี้ แต่กลับยังคงรักษาอะไรหลายๆอย่างไว้ได้ดีมาก โอปป้าไซยังได้บอกเราอีกอย่างในทุกๆปี ทางบริษัทของพี่เค้าจะให้พนักงานของเค้านั่งเรื่อเก็บขยะตามแม่นำ้ซองค่ะ ว้าววว! หายากนะคะว่าไหม อีกประเด็นนึงที่น่ารักของโอปป้าคนนี้ ตอนที่เราจะต้องลอดถ้ำน้ำ ที่คนในกลุ่มเราบ่นว่า ปวดฉิ่งฉ่อง พี่ไซได้ยินบอกให้ไปห้องน้ำค่ะ แม้ว่าเราจะคุยกันขำๆว่า รอลงไปในน้ำก็ได้ พี่ไซบอกเสียงแข็งเลยค่ะว่า ไม่ได้ เราก็เลยแซวแกไปว่า พี่ก็ทำนะ รู้น่าา แกยืนยันกับเราเลยค่ะว่า ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ไม่เคยค่ะ คนอื่นทำหรือไม่แกไม่รู้ ที่รู้ๆแกไม่เคยทำ โอปป้านี่สุดๆไปเลย หลังเราก็ทานอาหารกลางวันกันก็เดินทางออกมา เตรียมตัวไปพายเรือคายัคค่ะ ระหว่างทางเราแวะดูถ้ำช้างพร้อมกับไหว้พระ และเสี่ยงเซียมซี่ภาษาลาว โอปป้าไซกลายเป็นทรานสเลเตอร์ไปโดยปริยาย เพิ่มเติมความน่ารักของโอปป้าไซนิดนึงนะคะ ตอนที่แวะถ้ำช้างซึ่งมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านใน น้ำในถ้ำหยดลงมา พื้นดูเละเทะมากๆๆ คนอื่นก็ใส่รองเท้าเข้าไปกันค่ะ แต่พี่ไซบอกให้เราถอด แถมย้ำอีกว่า คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมถอด นับถือจิตใจพี่ไซคนนี้มากๆ ประทับใจสุดๆเลยค่ะ ส่วนกิจกรรมต่อไปคือ พายเรือคายัค ล่องน้ำซองกันค่ะ ตอนแรกเราก็อุตส่าห์ดีใจว่าโอปป้าจะไปกับเรา พอถึงเวลาจริงๆ นางไปกับอีกลำค่ะ แหม คุยกันซะดิบดี สำหรับคนที่ไม่เคยพายเรือ ไกด์เค้าจะสอนเราคราวๆนะคะ อย่างไรก็ตาม เค้าจะไปกับเราด้วยค่ะ ไม่ต้องกังวล พายวนกันสนุกเลยล่ะค่ะ

รถมารอรับหน้าที่พักเลยค่ะ













กิจกรรมสุดท้ายของ One day trip คือไป Blue lagoon กันค่าาา เย้ๆๆๆๆ อันนี้ไกด์จะไม่มาด้วยนะคะมีเพียงพี่คนขับรถ ขับมาส่งเราและรอรับกลับค่ะ อยากเล่นน้ำแล้วววว แต่หนทางไปค่อนข้างได้ฟิลกันเลยทีเดียวค่ะ  

สำหรับ Blue lagoon เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ขึ้นชื่อของที่นี้ค่ะ ไม่มา Blue lagoon เรียกว่ามาไม่ถึงวังเวียงนะคะ 








เพื่อนเราบอกว่า กลัวความสูง แต่ก็โดดไป 2 รอบแหนะ 

ก่อนไปกิจกรรมต่อไป ขออนุญาตเตือนสาวๆ ผู้รักผิวกันทุกคนนะคะ ก่อนทำทุกกิจกรรม ชโลมครีมกันแดดให้ทั่วและหนาๆค่ะ ส่วนตัวเรา เราเป็นคนผิวคล้ำอยู่แล้ว ไม่มีรอยให้คล้ำอีกแล้วล่ะค่ะ ฮ่าๆ ส่วนสาวสวยผู้โชคดีของเรา เป็นแบบผิวโดนแดดเบิร์นง่าย จึงกลายเป็นแบบด้านล่างนี้ค่ะ 



ถึงเวลาของ Nightlife กันแล้วค่ะ น่าแปลกนะคะ คนท้องถิ่นปกติจะเข้านอนแต่หัวค่ำ เต็มที่ไม่น่าเกิน4-5 ทุ่มเสียด้วยซ้ำ แล้วก็จะตื่นกันเช้าๆ ส่วนนักท่องเที่ยวก็จะนอนกันดึกๆหน่อย แต่ที่นี่กลับผสมผสานทุกอย่างได้อย่างลงตัวเลยล่ะค่ะ



เสน่ห์ของการเดินทางอย่างหนึ่งค่ะ คือเพื่อนร่วมทางของเรา ^^



คืนนี้กลุ่มเราเค้าไปต่อกันกับคนไทยด้วยกัน ยาวๆกันไป แต่เราขอตัวกลับที่พักก่อน เพราะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไปตลาดเช้าไม่ไหวค่ะ

23 สิงหาคม 2558
เช้าวันที่ 3 กว่าจะเอาตัวเองออกจากเตียงได้ ปาไป 7 โมงแล้วค่ะ จะทันตลาดเช้าไม่นะ จากที่ดูรายการพี่เรย์ แมค เค้าว่าตลาดจะวายประมาณ 8 โมงค่ะ รีบไปติดต่อรถตุ๊กๆหน้าบ้าน ไปตลาดเช้าเท่าไหร่ค่ะ เค้าถามเราว่า กี่คน เราก็บอกเลยค่ะ คนเดียวค่ะ ลุงก็หน้าแบบงงๆนิดนึง เอาจริงดิไรงี้ ฮ่าๆ ลุงบอก ไป10 กลับ10 (สิบของเค้าก็คือสิบพัน หรือ 10,000 นั่นเองค่ะ) โอ้ว!พระเจ้า นึกว่าจะโดนชาร์จซะแล้ว นี่คือราคาปกติค่ะ ไม่ว่าจะไปกี่คนเค้าจะคิดราคานี้ค่ะ แอบบอกให้ลุงรอด้วย ถึงตลาดปุ๊บ รีบค่ะ รีบเข้าไป ทางเข้าตลาดฝั่งนี้จะมีที่จอดรถมอไซค์ มองดูคล้ายทางเวียดนามเลยนะคะ ลืมบอกไปว่า เมื่อคืนฝนตกค่ะ เช้านี้เลยจะชุ่มฉ่ำกันนิดนึง




ร้านขายข้าวเปียกเส้น


ส่วนร้านนี้ ขายเส้นข้าวเปียกค่ะ


กลับที่พักกันค่ะ


นั่งชิวรอ ทุกคนตื่นค่ะ ฮ่าๆ ลืมบอกไปว่าจำปาลาว ที่พักของพวกเรามีร้านกาแฟนะคะ อร่อยดี แต่ที่นี่ไม่มีกาแฟลาวค่ะ ใครที่ตามหากาแฟลาวแนะนำไปร้าน (คัน)ร่มแดงค่ะ ตรงข้าม Wonderful tours เลยค่ะ  กลับมาที่พวกเรากันค่ะ เรา 4 คนตื่นกันแล้ว เหลือเจ้ๆ เค้าขอพักก่อน เพราะแฮงค์ เราจึงตกลงจะเช่ามอไซค์ไปตะลอนรอบๆเมืองนี้กันค่ะ เริ่มจากไปฟาร์มออรแกนิค จากพี่เรย์แมคอีกนั่นแหละค่ะ ตกหลุมรักแพะและเจ้าหนูอะไรไม่ทราบ น่ารักมากๆๆ เพิ่มเติมนะคะที่นี่มีอาหารออร์แกนิคขายด้านหน้าด้วย ใครชอบลองดูค่ะ



ตามรอยเรย์ แมคกันค่ะ ฮ่าๆ 



จากนั้นเราก็ขับไปเรื่อยๆ เรื่อยๆจนเจอร้านริมทาง เราแวะทานข้าวที่นั้น อาหารพื้นบ้านที่ราคาและรสชาติต่างจากในเมืองพอสมควร เป็นอะไรที่ท้องถิ่นกว่ามากๆเลยล่ะค่ะ

ที่นี้ลองมาดูภาพจากการขับไปเรื่อยๆ ชอบก็จอดกันค่ะ













เห็นไหมคะ บางครั้งการเดินทางที่ผิดแผนหรือไม่มีแผน นอกจากจะผิดพลาดจากแผนแล้ว ยังทำให้เราเจอกับความสวยของการเดินทางแบบผิดคาดด้วยเช่นกันค่ะ อีกหนึ่งเสน่ห์ของคำว่า "การเดินทาง"

หลังจากดูเวลาแล้วเราคิดว่า เจ้ๆน่าจะฟื้นแล้ว จึงกลับมาจำปาลาว กิจกรรมที่เราทิ้งไว้วันนี้และต้องทำคือ Tubing หรือล่องห่วงยางนั่นเองค่ะ เป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้เลยในวังเวียง เราคิดว่าน่าจะไปกันสัก3-4โมงเย็น ฉะนั้นเราพอมีเวลาประมาณ 3 ชม สรุปเราไปถ้ำจังซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองค่ะ เราสามารถมองเห็นวิวของวังเวียงได้จากที่นี่ และยังมีพื้นทีให้เล่นน้ำได้อีกด้วย มองดูแล้วคล้ายๆ blue lagoon ขนาดย่อมและคนน้อยกว่า


ลองนับขั้นบันไดกันดูค่ะ ได้เท่าไหร่ มีเฉลยอยู่ที่ขวามือส่วนหัวบันไดด้านบนนะคะ 



Game of thrones ก็มานะ 


จากนั้นก็มุ่งหน้าไปร้านให้เช่าห่วงยางค่ะ เวลานั้น 4 โมงกว่าๆแล้วเค้าเร่งให้เราตัดสินใจ เพราะว่ากว่าจะลอยมาถึงใช้เวลาเป็นชั่วโมงค่ะ เราทุกคนโอเคค่ะ เพราะมาถึงวังเวียงแล้วจะไม่เล่น Tubing ได้ยังไง แต่ประเด็นคือต้องกดเงินกัน บางคนก็ต้องแลกตังค์ค่ะ เพราะเงินที่แลกมาหมดไปกับค่าเบียร์เมื่อคืนแล้ว ฮ่าๆ ได้ข้อสรุปว่า 4 คนเรา Tubing 2 คนไปพายเรือคายัคค่ะ ส่วนตัวชอบ Tubing มากๆ ชิวค่ะ ถ้าไม่ติดว่าอยู่กับน้ำ หนังสือจะเป็นอีกหนึ่งอย่างที่อยากติดลงไปด้วยเลยค่ะ อ้อ.. เพิ่มเติมนะคะ ไม่ควรกล้องลงไปด้วยแม้จะมีถุงกันน้ำ กันพลาดไว้ดีที่สุดค่ะ เราเจอมากับตัวแล้วค่ะ ตอนหยุด tubing มันจะลำบากนิดนึงถ้ามีสิ่งของ เพราะว่าคนบนฝั่งเค้าจะโยนขวดน้ำมาช่วยเรา แต่ส่วนนึงเราก็ต้องช่วยตัวเองค่ะ (เพิ่มเติมนะคะ จริงๆที่ร้านให้เช่าห่วงยางเค้ามีให้ฝากของนะคะ แต่ของมีค่าเค้าไม่ให้เอาไว้เลย และเราก็ไม่ควรไว้ด้วยเนอะ แนะนำให้หาถุงกันน้ำ ซึ่งหาซื้อได้ที่วังเวียงเลยค่ะ ตามร้านที่ขายเสื้อผ้า ร้านใหญ่ๆ จะแขวนโชว์เลยค่ะ)

ตอนนี้เป็นหน้าฝนนะคะ น้ำจากเขาไหลลงมาเยอะ ทำให้แม่น้ำเป็นสีน้ำตาลแบบนี้ค่ะ



ส่วน Nightlife คืนนี้ ทุกคนบอกว่าเอียนแล้วค่ะ ฮ่าๆ แต่เมื่อคืนเราไม่ได้ไปกับคนอื่นเค้า เลยค้างๆ ฮ่าๆ ขอนั่งชิวๆหน่อยล่ะกันเนอะ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว กว่าจะเลือกร้านได้ ฮ่าๆ ไปตกเป็นร้านที่เหมือนเจ้าของร้านจะเป็นชาวออสซี่ค่ะ พอดีมีกรุ๊ปทัวร์ลง ทำให้คนดูเยอะๆ แถมในร้านยังมีเครื่องวี (Wii) ด้วยค่ะ แด๊นซ์กันสนุกเลย คืนนั้นแอบอิจฉาชวออสซี่สองคน สวีทมากๆๆ พวกเรานี่ตาร้อนกันพราวๆ ฮ่าๆ คืนนี้พลาดนะคะ ลืมโทรศัพท์ไว้กับเพื่อนค่ะ ไม่มีรูปเลย

24 สิงหาคม 2558
เช้าวันสุดท้ายในวังเวียง หลังคำโฆษณาของเราเกี่ยวกับตลาดเช้าที่ไปมาเมื่อวานนี้ ทำให้ทุกคนอยากตื่นไปดูกันค่ะ และแล้วพวกเราก็ทำสำเร็จ ตลาดเช้า ค่ารถเท่าเดิมค่ะ ไป 10 กลับ 10 ทุกคนคอนเฟิร์มว่า ข้าวเปียกเส้นป้าอร่อยนะคะ ใครมาลองชิมกันได้ ใส่ถ้วยทานได้เลย




นางแบบของวันนี้ค่ะ ยิ้มหวานเชียว

ขอบคุณ"จำปาลาว"ค่าาาา พี่เจ้าของน่ารักมากๆๆๆ  ขออะไรก็ได้ว่างั้นเถอะ ฮ่าๆ




แล้วเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯกันค่ะ ออกจากวังเวียงสู่อุดร ด้วยรถคันเดิมเป๊ะ แล้วก็บินกลับไปพร้อมกับนกแอร์ในตอนเย็นค่ะ


 



ขอยกพระเอกของทริปนี้ให้กับ "โอปป้าไซ"ค่ะ

ชายผู้มีจิตสำนึกรักบ้านเกิด น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

____________________________________

สะ บาย ดี วัง เวียง..



ภาพ :ส่วนใหญ่เป็นของพี่ต้น และของทุกคนในทริป รวมถึงจากเพื่อนร่วมทางของเราด้วยค่ะ 

ขอบคุณผู้ร่วมทางทุกท่านที่ทำให้การเดินทางมีสีสันในแบบของมัน